บทความนี้เราจะคุยกันถึงความสำคัญของการลดหย่อนภาษี ที่หลายคนรู้จักแต่ยังไม่เข้าใจครบถ้วน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเข้าใจดีว่า “ภาษี” คือหน้าที่ของประชาชนที่มีรายได้มากกว่า 120,000 บาท/ปี หรือมีรายได้อื่น ๆ ตั้งแต่ 60,000 บาท/ปี จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ดังที่กล่าวมา จะต้องรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน และนำไปยื่นด้วยตนเองที่กรมสรรพากร หรือจะยื่นผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันก็ได้ตามความสะดวก จึงจะเห็นได้ว่าทุกคนเข้าใจถึงหน้าที่การเสียภาษีเป็นอย่างดี ดังนั้นในส่วนของการลดหย่อนภาษี เราจะทำหน้าที่อธิบายถึงความสำคัญให้ทุกคนได้ทราบเอง
ลดหย่อนภาษีคืออะไร ความสำคัญที่ผู้มีรายได้ควรรู้
ค่าลดหย่อนภาษีตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ เกิดจากการที่ภาครัฐบาลไม่ต้องการให้ภาษีกลายเป็นภาระของประชาชนมากจนเกินไป จึงได้กำหนดการใช้จ่ายบางอย่างขึ้นมา เช่น การซื้อกองทุนรวม, การซื้อประกันชีวิต, การซื้อประกันสุขภาพ และดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเพื่ออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เพื่อเป็นสิทธิพิเศษสำหรับให้ประชาชนได้นำไปหักจากรายได้ต่อปี ก่อนที่จะออกมาเป็นเงินได้สุทธิที่ต้องนำไปคำนวณภาษี โดยค่าลดหย่อนจะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้น และเป็นวิธีที่ถูกกฎหมาย ประชาชนทุกคนสามารถทำได้ โดยที่ไม่เรียกว่าเป็นการ “หลีกเลี่ยงภาษี”
ดังนั้นหน้าที่ของประชาชนผู้มีรายได้ทุกคน นอกจากการวางแผนเพื่อประหยัดภาษีต่อปีแล้ว จะต้องหมั่นติดตามเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีต่อปีด้วยว่า มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ หรือปรับปรุงเงื่อนไขใดเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อให้แผนการประหยัดภาษีเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ และช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการวางแผนลดหย่อนภาษีนั้น ควรเริ่มต้นทำตั้งแต่ช่วงต้นปี เพราะจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนระยะยาวแบบตลอดทั้งปีได้อย่างเต็มที่ เช่น การคำนวณรายได้ต่อปี การวางแผนว่าควรซื้อกองทุนเพิ่มเพื่อประโยชน์ทางภาษีมากขึ้นหรือไม่ และการทำเช็กลิสต์ออกมาว่า ปีนี้มีรายการลดหย่อนอะไรบ้างแล้ว เป็นต้น ที่สำคัญคือ การวางแผนในช่วงต้นปีจะช่วยให้ช่วงปลายปีไม่มีความสับสน หรือหลงลืมเรื่องสำคัญอะไรไป
และเพื่อให้ทุกคนสามารถคำนวณเงินได้สุทธิต่อปีได้ด้วยตัวเอง เราสามารถใช้สูตรได้ง่าย ๆ คือ (รายได้รวมต่อปี – ค่าใช้จ่าย) – ค่าลดหย่อนภาษี = เงินได้สุทธิ ซึ่งจากสูตรนี้ จะเห็นถึงความสำคัญของค่าลดหย่อนได้อย่างชัดเจน เพราะหากค่าลดหย่อนยิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่ จะยิ่งลดเงินได้สุทธิให้น้อยลง เท่ากับคุณจะเสียภาษีน้อยลงด้วยนั่นเอง
ใครบ้างที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าลดหย่อนภาษี
ได้ทราบกันแล้วว่า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นหน้าที่ของเราทุกคนผู้มีรายได้ และค่าลดหย่อนภาษีมีความสำคัญที่ช่วยให้เราประหยัดภาษีได้อย่างไร ในหัวข้อนี้เราจึงจะมาคุยกันเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันบ้างว่ามีกลุ่มใดบ้าง เพราะอะไรพวกเขาจึงได้รับการยกเว้น และมีเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
- กลุ่มผู้พิการ คือ ผู้พิการที่มีรายได้ เป็นผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามเงื่อนไขพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน และมีอายุไม่เกิน 65 ปีในปีภาษีนั้น ๆ จึงจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 190,000 บาท แบบปีต่อปี
- กลุ่มผู้สูงอายุ คือ ผู้สูงอายุที่มีรายได้ และมีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในประไทยครบ 180 วันในปีภาษีนั้น ๆ จึงจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 190,000 บาท แบบปีต่อปี
จากบุคคลทั้ง 2 กลุ่มดังที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ก็ยังต้องอาศัยการคำนวณเงินได้สุทธิต่อปีอยู่ เพื่อเช็กว่ามีเงินได้สุทธิเกินจาก 190,000 บาทหรือไม่ ซึ่งวิธีการคำนวณจะใช้สูตรเดียวกันกับที่ได้กล่าวไปในข้างต้น นอกจากนี้การใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั้ง 2 กลุ่ม จะต้องแสดงรายการเงินได้และจำนวนเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นั้นในตอนยื่นภาษี ส่วนแบบฟอร์มที่ต้องใช้ คือ ใบแสดงสิทธิการได้รับการยกเว้นเงินได้กรณีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป หรือในกรณีผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี
ค่าลดหย่อนภาษีไม่ใช่การเลี่ยงภาษี แต่เป็นเงื่อนไขที่ภาครัฐบาลกำหนดออกมาเพื่อช่วยให้ประชาชนลดภาระด้านภาษีลง โดยค่าลดหย่อนมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน และมักจะมีปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ของประชาชนในปัจจุบัน ดังนั้นผู้ที่วางแผนประหยัดภาษี จะต้องหมั่นอัปเดตรายการค่าลดหย่อนทุกปี เพื่อให้การวางแผนมีความรัดกุมและถูกต้อง